Line IconTelephone IconFacebook  Facebook
หน้าหลักความรู้ > 12 เทคนิค ขายของให้แพงขึ้นด้วย Storytelling
12 เทคนิค ขายของให้แพงขึ้นด้วย Storytelling

By...  อาจารย์มาร์ค โฆษิต

ในยุคที่สินค้าและบริการแทบจะเหมือนๆกันไปหมด ไม่ค่อยแตกต่าง ตัวแปรที่จะช่วยทำให้แบรนด์สามารถขายได้ในราคาสูง ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ ต้องลดราคาแข่งกันจนแทบขาดทุนเพื่อเอาตัวรอด ก็คือ เรื่องเล่า หรือ Storytelling ครับ

เรื่องเล่าที่ดี สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ขายแพงขึ้นได้เป็นหลายเท่าตัวเลยนะครับ อย่างเช่น น้ำแร่ทั่วไป ขวดละ 20 บาท กับน้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์บนเทือกเขาสูงที่ไหลผ่านชั้นหินแร่อายุนับล้านปี กรองด้วยกระบวนการพิเศษ บรรจุในขวดคริสตัลดีไซน์เฉพาะ ในราคาขวดละ 200 บาท... เห็นความต่างใช่ไหมครับ?

ผมมี 12 วิธี ในการใช้ Story telling ที่จะช่วยให้คุณสามารถขายสินค้าหรือบริการในราคาที่สูงขึ้นได้ มาแนะนำครับ

1. สร้างตำนานแห่งจุดกำเนิด (Origin Story)

เรื่องราวความเป็นมาที่น่าประทับใจ จะสามารถเปลี่ยนสินค้าธรรมดาให้กลายเป็นตำนาน ลองเล่าถึงแรงบันดาลใจ อุปสรรค และการเอาชนะความท้าทายในการก่อตั้งธุรกิจ หรือการค้นพบสูตรลับเฉพาะ

ตัวอย่าง เช่น แบรนด์รองเท้า TOMS กับเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ ของคุณ Blake Mycoskie ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ ว่าตอนที่เค้าเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอาร์เจนตินา แล้วได้พบว่าเด็กๆ จำนวนมากยากจน ต้องเดินเท้าเปล่า ไม่มีรองเท้าจะใส่ เค้าเลยสร้างโมเดลธุรกิจแบบ "One for One" ขึ้นมา โดยทุกครั้งที่มีคนซื้อรองเท้า 1 คู่ บริษัทจะบริจาครองเท้าให้เด็กที่ขาดแคลน 1 คู่

2. นำเสนอความเชี่ยวชาญและความพิถีพิถัน

เล่าเรื่องความเชี่ยวชาญพิเศษ กระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน และความใส่ใจในรายละเอียดที่ลูกค้ามองไม่เห็น แต่ส่งผลต่อคุณภาพของสินค้า เช่น นาฬิกา Patek Philippe ไม่ได้ขายเพียงนาฬิกา แต่ขายงานฝีมือที่สืบทอดมากว่า 180 ปี ช่างฝีมือต้องใช้เวลาฝึกฝนกว่า 10 ปีก่อนจะได้ประกอบนาฬิกาเรือนแรก และทุกชิ้นส่วนผ่านการขัดเงาด้วยมือแม้จะมองไม่เห็นก็ตาม

3. เล่าเรื่องวัตถุดิบพิเศษและแหล่งที่มา

อธิบายถึงความพิเศษของวัตถุดิบ แหล่งที่มาอันเป็นเอกลักษณ์ กระบวนการคัดสรรที่เข้มงวด และเหตุผลที่ทำให้วัตถุดิบเหล่านั้นมีคุณค่า เช่น GODIVA ไม่ได้พูดแค่ว่าใช้โกโก้คุณภาพ แต่เล่าเรื่องการคัดสรรเมล็ดโกโก้จากหลายประเทศ ผสมผสานตามสูตรเฉพาะที่สืบทอดมาตั้งแต่ปี 1926 และยังโชว์ความพิถีพิถันของช็อกโกแลตเชฟระดับโลก ทุกคำที่กัดคือความหรูหราแบบเบลเยียมแท้ 

4. สร้างคอมมูนิตี้ที่มีค่านิยมร่วมกัน

เล่าเรื่องที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่มีค่านิยม ความเชื่อ และรสนิยมร่วมกัน ทำให้การซื้อสินค้าไม่ใช่เพียงการซื้อของไปใช้ แต่เป็นการแสดงตัวตน เช่น Harley-Davidson ไม่ได้ขายแค่มอเตอร์ไซค์ แต่ขายวิถีชีวิตแห่งอิสรภาพ การผจญภัย และความเป็นพี่น้อง 

5. เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์หรือมรดกทางวัฒนธรรม

นำเสนอความเชื่อมโยงของสินค้ากับประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มรดกทางวัฒนธรรม หรือเรื่องราวในอดีตที่มีคุณค่า เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Hennessy เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ที่ผลิตมามากว่า 8 ชั่วอายุคน และวิธีการบ่มที่สืบทอดมายาวนาน 

6. นำเสนอเรื่องราวของผู้ใช้ที่ประสบความสำเร็จ

เล่าเรื่องความสำเร็จของผู้ที่ใช้สินค้าหรือบริการของคุณ โดยเชื่อมโยงว่าสินค้าหรือบริการนั้นมีส่วนช่วยในความสำเร็จอย่างไร เช่น MacBook นำเสนอเรื่องราวของศิลปิน นักออกแบบ และผู้สร้างสรรค์ที่ใช้ MacBook สร้างผลงานระดับโลก ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือแห่งการสร้างสรรค์ที่มีค่ามากกว่าแค่อุปกรณ์ทำงาน

7. แสดงให้เห็นผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

เล่าเรื่องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อสินค้าของคุณไม่ใช่แค่การบริโภค แต่เป็นการร่วมสร้างโลกที่ดีขึ้น เช่น Patagonia ไม่ได้ขายแค่เสื้อผ้า Outdoor ราคาแพง แต่เล่าเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังช่วยปกป้องโลกไปพร้อมกัน

8. เปิดเผยความท้าทายและอุปสรรคที่ต้องเอาชนะ

เล่าเรื่องความท้าทาย ความล้มเหลว และอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน ก่อนจะได้สินค้าที่สมบูรณ์แบบออกมา ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าทำไมสินค้าถึงมีราคาสูง เช่น Tesla เล่าเรื่องความเสี่ยงล้มละลาย การทดลองที่ล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน และการเอาชนะอุตสาหกรรมรถยนต์ดั้งเดิม ทำให้ Tesla กลายเป็นมากกว่ารถ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

9. นำเสนอความ Exclusive และความหายาก

เล่าเรื่องที่ตอกย้ำความพิเศษ ความหายาก และความจำกัดของสินค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษที่ได้ครอบครอง เช่น Ferrari ไม่ได้ขายแค่รถสปอร์ต แต่เล่าเรื่องการจำกัดจำนวนการผลิต การคัดเลือกลูกค้าที่จะได้เป็นเจ้าของ 

10. สร้างเรื่องเล่าผ่านประสบการณ์ลูกค้า

ออกแบบประสบการณ์ลูกค้าให้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเล่า ตั้งแต่การค้นพบแบรนด์ การตัดสินใจซื้อ ไปจนถึงการใช้สินค้า เช่น Louis Vuitton ไม่ได้แค่ขายกระเป๋า แต่ขายประสบการณ์ตั้งแต่การเข้าร้าน พนักงานที่ให้บริการ การบรรจุสินค้าในกล่องและถุงสวยงาม ไปจนถึงบริการหลังการขาย 

11. เชื่อมโยงกับบุคคลที่มีอิทธิพลหรือผู้เชี่ยวชาญ

สร้างเรื่องเล่าที่เชื่อมโยงสินค้าหรือบริการ กับผู้เชี่ยวชาญหรือบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการนั้นๆ เช่น นาฬิกา Omega ไม่ได้แค่บอกว่าเป็นนาฬิกาที่ดี แต่เล่าเรื่องว่าเป็นนาฬิกาที่นักบินอวกาศ NASA เลือกใช้ และเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ ทำให้มีมูลค่าสูงในสายตาผู้ซื้อ

12. เล่าเรื่องอนาคตและวิสัยทัศน์

นำเสนอวิสัยทัศน์และภาพอนาคตที่สินค้าหรือบริการของคุณกำลังมุ่งไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังลงทุนในอนาคตที่ดีกว่า เช่น SpaceX ไม่ได้แค่ขายการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ แต่เล่าเรื่องวิสัยทัศน์การทำให้มนุษย์เป็น multiplanetary species และการเดินทางไปดาวอังคาร 

เรื่องเล่า คือ กุญแจสู่การเพิ่มมูลค่า

การใช้ Story telling ไม่ใช่แค่เทคนิคการตลาด แต่เป็นศิลปะแห่งการสร้างคุณค่า เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าของคุณ พวกเขาไม่ได้ซื้อแค่ตัวสินค้า แต่ซื้อเรื่องราว ความหมาย และประสบการณ์ที่มาพร้อมกับมัน

ลองค้นหาและสร้างเรื่องราวของธุรกิจคุณให้มีพลัง แล้วเล่ามันออกมาอย่างน่าสนใจ น่าเชื่อถือ และน่าประทับใจ แล้วคุณจะสามารถขายของได้ในราคาที่สูงขึ้น แถมลูกค้ายังจะกลายเป็นผู้สนับสนุนที่จะช่วยเล่าเรื่องของคุณออกไปอีกด้วย


บทความแนะนำ

Tags: 
Storytelling ขายดี ขายสินค้า จุดเด่นของสินค้า ประสบความสำเร็จ กำไร สร้างความแตกต่าง ความได้เปรียบ คู่แข่ง แข่งขัน ขายของ


M A R K K O S I T.com

312 ถนนสีลม ตำบลสุริยวงศ์ อำเภอบางรัก กรุงเทพฯ 10500

  081-614-6905
 ajmarkkosit@gmail.com

    Line ID: @ajmarkkosit

Copyright 2025.  All rights reserved.